วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

มังกรสอนใจ ตอนคนขายเนื้อ การได้อะไรมาง่ายๆไม่สมเหตุผลต้องระวัง




คนขายเนื้อ

     ที่แคว้นฉีมีชายขายเนื้อคนหนึ่ง  เปิดร้านขายเนื้อเล็กๆ  ซึ่งมีกิจการไม่เลวทีเดียว  เขาจัดเป็น
คนธรรมดาสามัญที่สุดคนหนึ่ง แต่มีความเข้าใจชีวิตดี  มีความพอใจในอาชีพ  และความเป็นอยู่
ของตนเอง ไม่คิดฟุ้งซ่านสร้างวิมานในอากาศ

    มีวันหนึ่ง กษัตริย์แคว้นฉีส่งอำมาตย์คนหนึ่งมาที่บ้านของคนขายเนื้อนั้น อำมาตย์คนนั้นบอก
กับเขาว่า... 
   “องค์กษัตริย์  มีพระราชประสงค์จะยกพระธิดาให้ท่าน   ถ้าท่านตอบรับ   ไม่เพียงแต่จะได้รับ
สินสอดเงินทองมากมายมหาศาล ยังสามารถรับราชการเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ด้วย  นี่เป็นโอกาส
ที่ยากจะพบพานในรอบพันปี   ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธกระมัง”





   

ชายขายเนื้อตอบไปว่า

“ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์กษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่อาจรับ
เรื่องนี้ไว้ได้เพราะข้าพเจ้าเป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีทางรักษาหาย ขอท่านช่วยกราบขอพระราช
ทานอภัยโทษ และกราบบังคมทูล ถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นของข้าพเจ้าด้วย”
    หลังจากอำมาตย์คนนั้นกลับไปแล้ว  เพื่อนบ้านและมิตรสหาย ของคนขายเนื้อ ต่างรุมตำหนิ
เขาว่าไม่ควรปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไป
   ชายคนขายเนื้อจึงชี้แจงว่า   “พวกท่านคิดว่านี้เป็นโอกาสดีหรือ    ตัวฉันกลับไม่คิดเช่นนั้น  
ในใต้ฟ้า ไหนเลยจะมีเรื่องราวที่สะดวกง่ายดายอย่างนี้  แคว้นฉีมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาคมคาย
สติปัญญาดีอยู่มากมาย แต่องกษัตริย์ไม่ยกพระธิดาให้คนอื่น กลับประจวบเหมาะมาพอใจตัวฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะพระราชธิดามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อย่างยิ่ง  ก็แสดงว่าต้องมีข้อบกพร่อง
อะไรที่ร้ายแรงอยู่อย่างแน่นอน  ถึงแม้ฉันจะเป็นเพียงคนขายเนื้อคนหนึ่ง ก็ไม่อาจที่จะแต่งงาน
กับหญิงที่ตนไม่ชอบเลย เพียงเพื่อทรัพย์สินเงินทอง”






     
     ทุกคนแม้จะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปเสียทั้งหมด 
มีคนหนึ่งถามเขาว่า
     “แกไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”
คนขายเนื้อตอบว่า
     “ฉันเป็นคนขายเนื้อ เรื่องอะไรอื่นฉันไม่ค่อยรู้มากนัก แต่เป็นเรื่องการขายเนื้อละก็ ฉันคือผู้
เชี่ยวชาญเนื้อสดใหม่แม้ราคาจะแพงขึ้นสักเล็กน้อยผู้คนก็รุมกันซื้อ แต่ถ้าเป็นเนื้อเก่าที่เริ่มส่ง
กลิ่น แม้จะขายราคาถูก แล้วยังแถมกระดูกติดมันให้อีก ก็ไม่มีใครต้องการ”




ท่านสาธุชนทั้งหลาย.....


   คนจำนวนมากในโลกชอบคิดเข้าข้างตนเอง เวลาจะรักใครชอบใคร บางทีก็รู้ทั้งรู้ว่าคนๆนั้น
เป็นคนไม่ดี ชอบยุ่งอบายมุข เจ้าชู้เป็นต้น  แต่ก็ปลอบใจตนเองว่า  เขาอาจจะไม่ดีกับคนอื่น 
แต่เราเป็นบุคคลพิเศษ เขาต้องดีกับเราแน่ๆเลย เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งน้ำตาตกในภายหลัง หรือ
บางครั้ง เวลามีคนเอาทรัพย์ เอาความโลภมาล่อ  ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูด  ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล 
น่าสงสัยแต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นโชคของเรา รีบคว้าเอาไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็มีเรื่องเดือด
ร้อนเสียหายตามมาภายหลัง  ความจริงแล้ว  การคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนี้  คือการยอมแพ้ต่อ
อำนาจกิเลส ความโลภ ความหลง ในตัวนั่นเอง  แล้วหาเหตุผลมาบอกกับตัวเอง เพื่อจะทำตาม
ความอยากของตัว ถ้าเพียงแต่เรา  ฝึกให้ตนเองเป็นคนรู้จักพอ คิดอะไรสุขุมรอบคอบ ดูเหตุ 
ดูผล ดูทั้งได้ทั้งเสียให้รัดกุม ไม่โลภ ไม่หวังลาภลอย เราจะขจัดเรื่องเดือดร้อนออกจากชีวิต 
ไปได้มากทีเดียว และจะดำเนินชีวิตไปด้วยความสุขตามอัตภาพของตน





ตุฏฐี สุขา ยา อิตรีตเรน

พอใจตามมี ยินดีตามที่ได้ นำสุขมาให้
(ธรรมบท 25/49)




Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D 
วัดพระธรรมกาย





      *************************


เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคำที่ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ได้อย่างชัดเจน อะไรที่ีได้มาง่ายเกินไป
แบบไม่สมเหตุผล มักจะมีของแถมตามมาด้วยเสมอ เราทั้งหลายเจอะกันบ้างใหม?





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น