วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

มังกรสอนใจ ตอน พรานป่ากับนายประตู

               
พรานป่ากับนายประตู


           กาลครั้งหนึ่งมีพรานป่าสองพ่อลูก อาศัยอยู่ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง กลางวันพ่อก็ออกไปล่าสัตว์ ส่วนลูกก็อยู่ดูแลบ้าน หุงหาอาหารไว้คอยท่า อยู่กันมาด้วยความสุข วันหนึ่งพ่อออกไปล่าสัตว์บังเอิญถูกงูเห่ากัด พยายามฝืนความเจ็บปวด ลากสังขารกลับมาบ้านและสั่งเสียลูกชายก่อนตายว่า ให้นำของดีประจำตระกูลคือนอแรดอันสวยงามไปกราบพระราชา เพื่อขอฝากถวายตัวให้พระองค์ชุบเลี้ยงต่อไป

            หลังจากเผาศพพ่อเรียบร้อยแล้ว ลูกชายก็นำนอแรดเดินทางไปที่วังของพระราชา  พบนายประตูชั้นนอกของพระราชวังอ้อนวอนนายประตูวังให้พาไปเข้าเฝ้าพระราชา นายประตูเห็นนอแรดงดงามเช่นนั้น คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้ คงได้รับพระราชทานรางวัลจากพระราชาจำนวนมาก จึงเกิดความโลภ บอกชายหนุ่มว่า จะพาเข้าไปก็ได้  แต่เมื่อได้รับพระราชทานรางวัลแล้วต้องแบ่งให้ตนครึ่งหนึ่ง  ชายหนุ่มก็ตอบตกลง นายประตูวังชั้นนอกจึงพาชายหนุ่มเข้าไปส่งที่ประตูวังชั้นใน


พรานป่ากับนายประตู



นายประตูวังชั้นใน เมื่อทราบเรื่องราวก็เกิดความโลภเช่นกัน จึงบอกชายหนุ่มว่า จะพาเข้าเฝ้าต่อเมื่อชายหนุ่มรับปากว่าจะแบ่งรางวัลให้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มก็ตอบตกลงอีก นายประตูวังชั้นในจึงพาชายหนุ่มเข้าเฝ้าพระราชา

เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นนอแรดนั้นแล้ว มีความพอพระทัยมาก ถามชายหนุ่มว่าต้องการรางวัลอะไร ชายหนุ่มทูลตอบว่าขอพระองค์โปรดพระราชทานรางวัล 2ประการคือ
1.ขอให้พระองค์รับตนไว้เป็นข้าละอองธุลีพระบาทตลอดไป
2.ขอให้พระราชทานรางวัลโดยโบยหลังตน 100 ที

พระราชาแปลกใจมาก ถามว่าทำไมเจ้าถึงต้องการรางวัลโง่ๆอย่างนั้น ทำให้ตนเจ็บตัวเปล่าๆ  ชายหนุ่มจึงทูลเล่าความจริงให้ฟัง  ว่าไม่ได้ต้องการรับการเฆี่ยนตีเอง  แต่ขอแบ่งรางวัลให้นายประตูทั้งสองคนละครึ่ง


นายประตูชั้นในทราบเรื่องราวก็เกิดความโลภ


เมื่อทรงทราบแล้วพระราชาทรงพิโรธมาก สั่งให้ทหารนำตัวนายประตูทั้งสองไปเฆี่ยนคนละ 50ที และแต่งตั้งชายหนุ่มนั้นเป็นมหาดเล็กประจำพระองค์ ชายหนุ่มนั้นรับราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ขยันหมั่นเพียร ภายหลังก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นลำดับ จนได้เป็นขุนวังของพระนคร




ท่านสาธุชนทั้งหลาย....
ความโลภนี้ไม่ดีเลย  จะนำตัวเราไปสู่หนทางเสื่อม  หากเราปรารถนาทรัพย์แล้ว ก็ต้องเร่งขวนขวายในการประกอบกิจการงานจึงจะควร  อย่าได้หวังรวยทางลัด  ทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบ จะนำทุกข์ในบั้นปลายมาให้เสมอ


ตลอดระยะเวลา ที่บาปยังไม่ให้ผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
บาปส่งผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น

(ขุ. ธ. 25/15/24)


Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D
วัดพระธรรมกาย

*****************



วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

มังกรสอนใจ ม่อจื้อดูการย้อมผ้า (การอยู่ใกล้คนเช่นไรย่อมเป็นคนเช่นนั้น)

ม่อจื้อดูการย้อมผ้า
  

  ม่อจื้อเป็นนักปราชญ์คนหนึ่ง ในสมัยสงคราม 7แคว้นของจีน มีอยู่คราวหนึ่ง เขาพาลูกศิษย์

เดินผ่านโรงย้อมผ้าแห่งหนึ่ง และก็หยุดยืนดูการย้อมผ้าอยู่หน้าประตูโรงงาน



  

 



    พวกเขาเห็นคนงานนำเอาผ้าไหมที่ขาวราวปุยหิมะจำนวนมาก แช่ลงในถังย้อมสีทีละมัดๆ
ชั่วครู่เดียวผ้าไหมเหล่านั้นก็ย้อมติดเป็นสีต่างๆ ที่ใส่ลงไปในถังย้อมสีน้ำเงิน ก็กลายเป็น
สีน้ำเงิน ที่ใส่ลงไปในถังย้อมสีเหลืองก็ถูกย้อมกลายเป็นสีเหลือง
   ม่อจื้อดูคนงานเหล่านั้นย้อมผ้าอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรแม้คำเดียวแต่บนใบหน้ากลับแสดง
ความรู้สึกอย่างมากมาย และแล้วเขาก็ถอนหายใจยาว พูดรำพึงกับตัวเองว่า “ช่างเป็นหม้อ
ย้อมอันร้ายกาจอะไรเช่นนี้”


ลูกศิษย์ถามม่อจื้อว่า “อาจารย์ ท่านพูดอย่างนี้มีความหมายอะไรหรือครับ”
    ม่อจื้อตอบว่า “พวกเธอจงดูผ้าไหมขาวบริสุทธิ์เหล่านั้น พอใส่ลงในหม้อย้อม ก็เปลี่ยนสีไป
ทันที   ที่อยู่ในถังสีเหลืองก็กลายเป็นสีเหลือง  ที่อยู่ในถังสีดำก็กลายเป็นสีดำ  ไม่อาจฟื้นคืนสู่
สภาพเดิมได้อีก คนเราก็เช่นเดียวกัน เด็กเล็กทั้งหลายต่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เหมือนผ้าไหมที่
ขาวราวหิมะ  แต่พอเข้าสู่สังคม  สัมผัสกับบุคคลอื่น  ตั้งแต่ในครอบครัว  จนถึงสังคมภายนอก  
ก็จะรับอิทธิพลจากคนรอบข้างได้อย่างง่ายดาย ที่อยู่กับคนดีก็กลายเป็นคนดี ที่อยู่กับคนเลวก็
กลายเป็นคนเลวไปด้วย อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อคนเราช่างมากจริงๆ”




           


     

  ลูกศิษย์ของม่อจื้อบอกว่า “ท่านอาจารย์พูดถูกจริงๆ ยุวชนคนหนุ่มสาวทั้งหลายควรจะต้องมี
ความสุขุมรอบคอบระมัดระวังในการคบหาสมาคมให้มากๆ




ท่านสาธุชนทั้งหลาย......

     ในการคบคนเราจำเป็นต้องเลือกคบคน และวิธีการเลือกไม่ใช่เลือกตามความชอบใจ ใครมาเอาอกเอาใจ ทำถูกใจ  เราก็ชอบคนนั้น คบคนนั้น  แต่มีหลักง่ายๆอยู่ว่า ใครที่เราอยู่ใกล้เขา คบ
เขาแล้วทำให้ความโลภ  ความโกรธ  ความหลงในตัวเรา  เพิ่มมากขึ้นเช่นทำให้อยากได้  ทรัพย์
มาในทางไม่ถูกต้อง คอยยุให้รำตำให้รั่วทำให้เราโกรธเกลียดระแวงคนอื่นๆหรือคอยชักชวนให้
เราลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุข  คนอย่างนี้เรียกว่าคนพาล ไม่ควรคบ ควรหลีกไปให้ไกลๆ แต่คน
ไหนคบแล้ว ทำให้เราอยากทำความดีให้ทาน รักษาศีล ทำสมาธิภาวนา คนอย่างนี้เรียกว่า
บัณฑิต ควรคบ


     และที่ต้องระวังอย่างยิ่งก็คือ ระวังไม่ให้ตัวของเราเองกลายเป็นคนพาล ต้องฝึกตัวให้เป็นคน

คิดเป็น(มีโยนิโสมนสิการ) ตรวจสอบตัวเองง่ายๆ ว่าคิดเป็นหรือไม่ คือ ถ้าอยากได้อะไร ยิ่งคิด
ยิ่งโลภยิ่งอยากได้ หรือกำลังโกรธใคร ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธแค้น กำลังหลงยิ่งคิดยิ่งหลงมัวเมา
แสดงว่าคิดไม่เป็น คนคิดเป็น ยิ่งคิดความโลภก็ลดลง  ความโกรธคลาย  สบายใจ  ความลุ่มหลง
มัวเมานั้นเบาบาง  ยิ่งคิดก็ยิ่งมีใจที่ปลอดโปร่ง ใครรู้จักเลือกคบคนและฝึกตัวเองให้คิดเป็น
ชีวิตจะมีความสุข เจริญรุ่งเรือง ทั้งภพนี้ตลอดภพหน้า



Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D 
วัดพระธรรมกาย


______________________




วันนี้พวกเราได้จัดสภาพแวดล้อมดีๆ สังคมดีๆ
และเลือกเพื่อนดีๆ ให้ลูกหลานเราคบหรือยัง?



วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

มังกรสอนใจ ตอนหอกกับโล่


หอกกับโล่

เขานำหอกและโล่ไปขายในตลาด
        

     มีอยู่วันหนึ่ง ช่างทำอาวุธคนหนึ่งในแค้วนฉู่ นำหอกกับโล่ไปขายในตลาด หอกและโล่ของ
เขาทำขึ้นอย่างประณีตงดงามมาก ฝีปากของเขาก็ไม่เลวทีเดียว  ดังนั้นในไม่ช้าจึงมีผู้คนรุม
ล้อมดูมากมาย

     เขาหยิบหอกขึ้นมา ป่าวประกาศกับทุกคนว่า.....   “หอกของฉันเป็นหอกที่คมที่สุดในแผ่นดิน 
ไม่มีอะไรที่มันจะแทงไม่ทะลุ ใครซื้อมันไว้ในครอบครองแล้วละก็ ถ้าไปล่าสัตว์ รับรองว่าจะต้อง
หามสัตว์กลับจนไหล่ลู่ทีเดียว มิฉะนั้น หากไปรบก็รับรองว่า จะต้องประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่”

แม้ทุกคนจะสนใจที่เขาพูดมาก แต่ก็ไม่มีใครซื้อ ดังนั้นเขาจึงวางหอกเล่มนั้นลง หยิบโล่ขึ้นมา
พูดกับทุกคนว่า

“พวกท่านดู โล่อันนี้ทำขึ้นจากหนังสัตว์ที่ดีที่สุด เป็นโล่ที่เหนียวแน่นทนทานที่สุดในใต้ฟ้า ไม่ว่า
อาวุธอะไรก็ไม่สามารถแทงผ่านทะลุมันได้”

เขาเอาโล่อันนั้นส่งให้ทุกคนดูต่อๆกันไป หวังว่าจะมีใครสักคนซื้อ ขณะที่โล่อันนั้นส่งถึงมือเด็ก
ชายคนหนึ่ง เด็กคนนั้นพิจารณาดูโล่อันนั้นอย่างสนใจ รู้สึกชอบโล่นั้นมาก แต่ทันใดนั้นเองบน
ใบหน้าของเด็กก็แสดงออกถึงความฉงนสนเท่ห์ขึ้นมา หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เด็กคนนั้นก็ถาม
ช่างทำอาวุธว่า



ถ้าเอาหอกของท่านแทงโล่ของท่านจะเป็นอย่างไร?


    


     "ท่านเพิ่งพูดหยกๆ ว่าหอกของท่านเป็นหอกที่คมที่สุดในแผ่นดิน ไม่มีอะไรที่่มันแทงไม่ทะลุใช่ใหม"

ช่างทำอาวุธตอบว่า “เออ....”
     เด็กถามต่อด้วยสีหน้าที่แสดงความสงสัยว่า “ผมหมายความว่า ถ้าใช้หอกของท่านแทงโล่
ของท่าน ผลลัพท์จะเป็นอย่างไร”
     ผู้คนที่รุมล้อมอยู่ฟังแล้วต่างก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง ช่างทำอาวุธคนนั้นอายจนหน้าแดง 
หูแดง พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว



ท่านสาธุชนทั้งหลาย..........



        เราอย่าเป็นคนขี้โอ่  ชอบโอ้อวดกันนะจะพูด 
จะแสดงอะไรก็ว่าไปตามเนื้อผ้า อย่าใส่สีตีไข่
เราจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้า  เดือดร้อนภายหลัง และขอให้แสดงออกมาตามที่เป็นจริง โดย
แฝงไว้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน เราจะได้รับความเคารพยกย่องเกรงใจจากบุคคลอื่น และอยู่
อย่างเป็นสุข


กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา
น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต
คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น
ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว


(องฺ จตุกฺก. 21/36)


Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D
วัดพระธรรมกาย



      *************************



     สังคมในสมัยนี้คนที่ชอบพูดจาอะไร  เกินความเป็นจริงมีเยอะ เราควรฟังอย่างมีสติ พิจารณาให้รอบคอบ อย่าคล้อยไปตามคำโฆษณา การรับฟังข่าวสารใดๆก็ควรตรวจสอบให้แน่นอนเสียก่อน มิเช่นนั้นอาจจะตกเป็นเหยื่อของข่าวสาร
     แต่ถ้าเราเสพข่าวสารอย่างชาญฉลาด จะทำให้เราสามารถเปิดหน้ากากผู้ที่ให้ข่าวสาร เกินความเป็น
จริงได้ จนเขาเหล่านั้นต้องกลับมาพิจารณาตนเองใหม่.....




วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

มังกรสอนใจ ตอนคนขายเนื้อ การได้อะไรมาง่ายๆไม่สมเหตุผลต้องระวัง




คนขายเนื้อ

     ที่แคว้นฉีมีชายขายเนื้อคนหนึ่ง  เปิดร้านขายเนื้อเล็กๆ  ซึ่งมีกิจการไม่เลวทีเดียว  เขาจัดเป็น
คนธรรมดาสามัญที่สุดคนหนึ่ง แต่มีความเข้าใจชีวิตดี  มีความพอใจในอาชีพ  และความเป็นอยู่
ของตนเอง ไม่คิดฟุ้งซ่านสร้างวิมานในอากาศ

    มีวันหนึ่ง กษัตริย์แคว้นฉีส่งอำมาตย์คนหนึ่งมาที่บ้านของคนขายเนื้อนั้น อำมาตย์คนนั้นบอก
กับเขาว่า... 
   “องค์กษัตริย์  มีพระราชประสงค์จะยกพระธิดาให้ท่าน   ถ้าท่านตอบรับ   ไม่เพียงแต่จะได้รับ
สินสอดเงินทองมากมายมหาศาล ยังสามารถรับราชการเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ด้วย  นี่เป็นโอกาส
ที่ยากจะพบพานในรอบพันปี   ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธกระมัง”





   

ชายขายเนื้อตอบไปว่า

“ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์กษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่อาจรับ
เรื่องนี้ไว้ได้เพราะข้าพเจ้าเป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีทางรักษาหาย ขอท่านช่วยกราบขอพระราช
ทานอภัยโทษ และกราบบังคมทูล ถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นของข้าพเจ้าด้วย”
    หลังจากอำมาตย์คนนั้นกลับไปแล้ว  เพื่อนบ้านและมิตรสหาย ของคนขายเนื้อ ต่างรุมตำหนิ
เขาว่าไม่ควรปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไป
   ชายคนขายเนื้อจึงชี้แจงว่า   “พวกท่านคิดว่านี้เป็นโอกาสดีหรือ    ตัวฉันกลับไม่คิดเช่นนั้น  
ในใต้ฟ้า ไหนเลยจะมีเรื่องราวที่สะดวกง่ายดายอย่างนี้  แคว้นฉีมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาคมคาย
สติปัญญาดีอยู่มากมาย แต่องกษัตริย์ไม่ยกพระธิดาให้คนอื่น กลับประจวบเหมาะมาพอใจตัวฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะพระราชธิดามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อย่างยิ่ง  ก็แสดงว่าต้องมีข้อบกพร่อง
อะไรที่ร้ายแรงอยู่อย่างแน่นอน  ถึงแม้ฉันจะเป็นเพียงคนขายเนื้อคนหนึ่ง ก็ไม่อาจที่จะแต่งงาน
กับหญิงที่ตนไม่ชอบเลย เพียงเพื่อทรัพย์สินเงินทอง”






     
     ทุกคนแม้จะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปเสียทั้งหมด 
มีคนหนึ่งถามเขาว่า
     “แกไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”
คนขายเนื้อตอบว่า
     “ฉันเป็นคนขายเนื้อ เรื่องอะไรอื่นฉันไม่ค่อยรู้มากนัก แต่เป็นเรื่องการขายเนื้อละก็ ฉันคือผู้
เชี่ยวชาญเนื้อสดใหม่แม้ราคาจะแพงขึ้นสักเล็กน้อยผู้คนก็รุมกันซื้อ แต่ถ้าเป็นเนื้อเก่าที่เริ่มส่ง
กลิ่น แม้จะขายราคาถูก แล้วยังแถมกระดูกติดมันให้อีก ก็ไม่มีใครต้องการ”




ท่านสาธุชนทั้งหลาย.....


   คนจำนวนมากในโลกชอบคิดเข้าข้างตนเอง เวลาจะรักใครชอบใคร บางทีก็รู้ทั้งรู้ว่าคนๆนั้น
เป็นคนไม่ดี ชอบยุ่งอบายมุข เจ้าชู้เป็นต้น  แต่ก็ปลอบใจตนเองว่า  เขาอาจจะไม่ดีกับคนอื่น 
แต่เราเป็นบุคคลพิเศษ เขาต้องดีกับเราแน่ๆเลย เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งน้ำตาตกในภายหลัง หรือ
บางครั้ง เวลามีคนเอาทรัพย์ เอาความโลภมาล่อ  ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูด  ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล 
น่าสงสัยแต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นโชคของเรา รีบคว้าเอาไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็มีเรื่องเดือด
ร้อนเสียหายตามมาภายหลัง  ความจริงแล้ว  การคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนี้  คือการยอมแพ้ต่อ
อำนาจกิเลส ความโลภ ความหลง ในตัวนั่นเอง  แล้วหาเหตุผลมาบอกกับตัวเอง เพื่อจะทำตาม
ความอยากของตัว ถ้าเพียงแต่เรา  ฝึกให้ตนเองเป็นคนรู้จักพอ คิดอะไรสุขุมรอบคอบ ดูเหตุ 
ดูผล ดูทั้งได้ทั้งเสียให้รัดกุม ไม่โลภ ไม่หวังลาภลอย เราจะขจัดเรื่องเดือดร้อนออกจากชีวิต 
ไปได้มากทีเดียว และจะดำเนินชีวิตไปด้วยความสุขตามอัตภาพของตน





ตุฏฐี สุขา ยา อิตรีตเรน

พอใจตามมี ยินดีตามที่ได้ นำสุขมาให้
(ธรรมบท 25/49)




Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D 
วัดพระธรรมกาย





      *************************


เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคำที่ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ได้อย่างชัดเจน อะไรที่ีได้มาง่ายเกินไป
แบบไม่สมเหตุผล มักจะมีของแถมตามมาด้วยเสมอ เราทั้งหลายเจอะกันบ้างใหม?





ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์ (ไม่ควรถกเถียงกัน ด้วยเรื่องที่ต่างก็ไม่รู้จริง) มังกรสอนใจ

ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์           เด็กคนแรกพูดว่า "พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต โตพอ ๆ กับล้อรถเลย แต่พอกลางวันก็เล็กล...