ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์
เด็กคนแรกพูดว่า "พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต โตพอ ๆ กับล้อรถเลย แต่พอกลางวันก็เล็กลงเหลือขนาดราว ๆ ชามข้าวเท่านั้น สิ่งของยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งดูเล็ก เพราะฉะนั้นแสดงว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ใกล้ ตอนกลางวันอยู่ไกล"
เด็กคนแรกพูดว่า "พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต โตพอ ๆ กับล้อรถเลย แต่พอกลางวันก็เล็กลงเหลือขนาดราว ๆ ชามข้าวเท่านั้น สิ่งของยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งดูเล็ก เพราะฉะนั้นแสดงว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ใกล้ ตอนกลางวันอยู่ไกล"
เมื่อครั้งที่ขงจื้อ เดินทางท่องเที่ยวไปตามแคว้นต่างๆ ของจีน
มีอยู่คราวหนึ่งที่วิ่งรถไป ขงจื้อเห็นข้างถนนมีเด็ก 2 คน
กำลังถกเถียงกันอยู่ ขณะนั้นขงจื้อนั่งบนรถ ห่างจากเด็กพอสมควร
ได้ยินไม่ชัดว่าเด็กเถียงกันเรื่องอะไร
แต่เห็นว่าเด็กทั้งสองคนเถียงกันอย่างหน้าดำหน้าแดง เสียงที่พูดยิ่งมายิ่งดัง
ดูท่าทีจะลงมือลงไม้กันแล้ว ขงจื้อจึงลงจากรถ เดินไปหาเด็กทั้งสอง
ตั้งใจจะช่วยไกล่เกลี่ย ถามเด็กทั้งสองว่า...
"พวกเธอกำลังเถียงกันเรื่องอะไร"
เด็กคนหนึ่งพูดว่า "คุณลุง คุณลุงคือใครครับ เรื่องที่คุณลุงรู้จะต้องมากกว่าที่พวกผมรู้แน่ ๆ ขอเชิญคุณลุงช่วยเป็นกรรมการตัดสินให้พวกผมด้วยนะครับ"
ขอจื้อตอบว่า "ฉันคือขงจื้อแห่งแคว้นหลู่ เชิญบอกฉันก่อนว่าพวกเธอกำลังถกเถียงกันเรื่องอะไร"
เด็กอีกคนหนึ่งพูดว่า "ที่แท้ คุณลุงคือขงจื้อ คุณลุงต้องสามารถตัดสินปัญหานี้ให้พวกเราได้แน่ ๆ เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณลุงเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก"
ขอจื้อพูดว่า "รีบบอกปัญหาให้ฉันฟัง"
เด็กคนหนึ่งพูดว่า "ผมคิดว่าพระอาทิตย์ เมื่อตอนเพิ่งโผล์พ้นขอบฟ้าในเวลาเช้าอยู่ใกล้ เวลาเที่ยงอยู่ไกลจากตัวเรา"
เด็กอีกคนหนึ่งรีบพูดขึ้นทันทีว่า "ที่เขาพูดไม่ถูก ผมคิดว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ไกล ตอนกลางวันอยู่ใกล้คนเรา"
ขงจื้อพูดว่า "พวกเธอลองพูดเหตุผลของตัวเองมาดู"
เด็กคนแรกพูดว่า "พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต
โตพอ ๆ กับล้อรถเลย แต่พอกลางวันก็เล็กลงเหลือขนาดราว ๆ ชามข้าวเท่านั้น
สิ่งของยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งดูเล็ก เพราะฉะนั้นแสดงว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ใกล้
ตอนกลางวันอยู่ไกล"
เด็กอีกคนหนึ่งพูดว่า "ผิดโดยสิ้นเชิง
ตอนเช้าพระอาทิตย์เพิ่งออกมา พวกเรารู้สึกเย็นสบาย
พอถึงตอนเที่ยงก็ส่องแสงจนคนเหงื่อท่วมตัว เวลาเราอยู่ใกล้ไฟก็จะรู้สึกร้อน
ถ้าอยู่ห่างออกมาก็ไม่ค่อยรู้สึก
ดังนั้นผมคิดว่าพระอาทิตย์ตอนเที่ยงอยู่ใกล้"
พอเด็กสองคนพูดจบ ก็ถามขงจื้อว่า จริง ๆ
แล้วความคิดของพวกตนของใครถูก
ขอจื้อดูเหมือนได้รับความลำบากจากปัญหานี้แล้ว นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ไม่รู้จะตอบอย่างไร และตอบเด็กไปว่า "ฉันยังไม่อาจตัดสินโดยเด็ดขาดได้ว่า
ความคิดของพวกเธออันไหนถูก เพราะฉันยังไม่เคยค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มาก่อน"
เด็กสองคนนั้นคิดในใจว่า "ขงจื้อได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการที่เก่งที่สุด แต่ปัญหานี้แม้กระทั่งขงจื้อยังตอบไม่ได้ แล้วพวกเราเพิ่งมีความรู้สังเท่าไรเชียว ถึงได้ปักใจมั่นหัวชนฝาว่าความคิดของตนเองถูก ช่างเป็นเรื่องไม่สมควรจริง ๆ "
ท่านสาธุชนทั้งหลาย...
เราเคยเป็นคนดื้อปักใจมั่นเชื่อในความคิดของตนเอง
จนไม่ยอมรับฟังความคิดคนอื่นบ้างไหม แก้วน้ำที่ปิดฝาอยู่ต่อให้เอาน้ำมาเทสักโอ่ง
ก็คงไม่เข้าสักหยด แต่ถ้าเปิดฝาออก เทน้ำลงไปประเดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม
ถ้าเราเปิดใจให้กว้าง เราจะได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมายไม่เป็นกบในกะลาครอบ
และขอให้ดูตัวอย่างขงจื้อ แม้ได้รับยกย่องว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ในยุคนั้น
แต่เมื่อเจอเรื่องที่ตัวไม่รู้ ก็บอกตรง ๆ ว่าไม่รู้ไม่มีอาการกลัวหน้าแตก
แล้วตอบโมเมส่งเดชไป คนไม่รู้แล้วไม่ชี้ยังดีที่กลัวคือคนไม่รู้แต่ชี้ แล้วชี้ผิด
ๆ พาคนอื่นเข้าใจผิดตาม ๆ กันไปด้วย
ความรู้ต่าง ๆ
ในโลกนี้เกิดจากการขบคิดไตร่ตรองด้วยเหตุผลไม่ว่าจะเป็นความคิดของนักวิชาการที่เก่งเพียงใด
ก็ล้วนมีโอกาสผิดพลาดทั้งสิ้น ทฤษฎีต่าง ๆ
ในโลกตั้งขึ้นแล้วก็มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพราะเป็นความรู้ที่เกิดจากความคิด (จินตามยปัญญา) มีเพียงความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่เกิดจากการทำสมาธิภาวนา (ภาวนามยปัญญา) เท่านั้นที่ถูกต้องจริงแท้ตลอดกาล
ทนทานต่อการพิสูจน์ เพราะเป็นความรู้จากใจที่ทำให้พ้นทุกข์ ทำให้โลกสงบเย็น
เราจึงควรตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อให้เขาถึงความรู้ชนิดนี้กันเถิด
มหาสุมทรซึ่งเป็นที่ไหลมารวมกันของน้ำจากทุกสารทิศ
จะต้องมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าพื้นที่ตรงต้นน้ำทั้งหลายฉันใด
ผู้ที่ต้องการจะรับการถ่ายทอดคุณความดีจากบุคคลทั้งหลาย
ก็จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนก่อนฉันนั้น
จะต้องมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าพื้นที่ตรงต้นน้ำทั้งหลายฉันใด
ผู้ที่ต้องการจะรับการถ่ายทอดคุณความดีจากบุคคลทั้งหลาย
ก็จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนก่อนฉันนั้น
โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D., Ph.D.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่รู้เรื่องอะไรจงเงียบไว้อย่าแสดงว่าตนรู้ และรีบค้นคว้าความรู้ที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดภูมิปัญญาแก่ตนต่อไป สรุปง่ายๆคือ"ไม่รู้ก็อย่าอวดรู้ หรือไม่รู้หนทางตรงไหนถูกก็อย่าชี้"นะ
ตอบลบ