วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ผู้เฒ่าช่ายเสียม้า (ในเรื่องร้ายย่อมมีดี ในวิกฤติย่อมมีโอกาส)



ผู้เฒ่าช่ายเสียม้า




วันหนึ่งม้าของท่านผู้เฒ่าได้วิ่งหายไป


      ผู้เฒ่าช่าย เป็นคนที่เข้าใจโลกและชีวิตดีมากคนหนึ่ง เขามีความเห็นว่า เรื่องราวบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นโชคดีโดยเด็ดขาดและก็ไม่มีอะไรที่เป็นโชคร้ายโดยสิ้นเชิง ทุกอย่างจะต้องมองทั้งสองทางเสมอ  ดังนั้น เมื่อพบกับเคราะห์ร้ายก็ไม่โศกเศร้า เมื่อพบกับโชคดี ก็ไม่ดีอกดีใจจนเกินไป  มีท่าทีต่อเรื่องต่างๆ ที่ตนประสบพบด้วยความสงบนิ่ง









    มีอยู่วันหนึ่ง ม้าตัวหนึ่งของเขาวิ่งหายไป เพื่อนฝูงของเขาเมื่อรู้ข่าวต่างก็พากันมาเยี่ยม

ปลอบใจเขา แต่ผู้เฒ่าช่ายกลับตอบว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มีน้ำใจ แต่ทว่าข้าพเจ้ากลับ
ไม่รู้สึกเสียใจด้วยเรื่องนี้เสียม้าไปแล้ว ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งก็ได้”
    ผ่านไปไม่กี่วันเจ้าม้าตัวนั้นได้กลับมาเองและยังพาม้าพันธุ์ดีอันล้ำค่ามาด้วยอีก 1 ตัวเพื่อน
ฝูงเมื่อทราบข่าวต่างพากันมาแสดงความยินดี แต่เขาพูดว่า





ลูกชายของเขาชอบนำม้าออกไปขี่เที่ยวเล่นเสมอ




“ไม่มีอะไรที่มีคุณค่าจนจำเป็นต้องแสดงความยินดี ได้ม้ามาอีกตัวไม่แน่อาจจะเป็นคราวเคราะห์อีกอย่างหนึ่งก็ได้”
      ลูกชายของผู้เฒ่าช่ายชอบม้าพันธ์ดีตัวนั้นมาก มักขี่ออกไปเที่ยวเล่นเสมอ ม้าตัวนั้นก็วิ่ง
เร็วมาก มีอยู่คราวหนึ่งลูกชายของผู้เฒ่าช่ายตกจากหลังม้าจนขาพิการข้างหนึ่ง เพื่อนฝูงของ
ผู้เฒ่าช่ายทราบข่าวนี้ ต่างก็พากันมาแสดงความเสียใจกับเขา ผู้เฒ่าช่ายกลับพูดตอบเพื่อนๆ
ด้วยท่าทีสงบเยือกเย็นอย่างยิ่งว่า
    “ขาพิการไปข้างหนึ่ง ถึงที่สุดแล้วก็เป็นเรื่องเคราะห์ร้าย หรือโชคดี ยังตัดสินได้ยาก”



วันหนึ่งลูกชายเขาพลาดตกหลังม้าจนขาพิการ




ต่อมาภายหลังไม่นาน เกิดสงครามระหว่างประเทศจีนกับชนเผ่าหู ชายฉกรรจ์ทั้งประเทศต่างก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารปกป้องประเทศสงครามคราวนั้นรบกันอย่างดุเดือด ติดพันยาวนาน คนหนุ่มจำนวนมากได้ตายในสนามรบ แต่ลูกชายของผู้เฒ่าช่าย เนื่องจากขาพิการ
จึงไม่ต้องไปเป็นทหาร พำนักอยู่ในบ้านดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข







ท่านสาธุชนทั้งหลาย......

สรรพสิ่งในโลกล้วนไม่เที่ยงมีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลามีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ โลกธรรมทั้ง8นี้ ต่างก็หมุนเวียนเปลี่ยนไป โบราณจึงบอกว่า “เมื่อเจอะเรื่องดีใจก็ให้ยิ้มเพียงมุมปากเดียว อย่าถึงกับหัวเราะฮาๆ ไม่อย่างนั้นถึงคราวพบเรื่องเสียใจจะต้องร้องไห้โฮๆ”  และเมื่อเราพบความยากลำบาก ก็ขออย่าท้อถอย ให้ถือคติว่า “ยิ่งมืดยิ่งดึก ยิ่งดึกยิ่งใกล้สว่าง” กันฟันทำงานค่อยๆ  แก้ปัญหาไปทีละเปลาะด้วยใจที่เยือกเย็นมั่นคง ยึดมั่นความดี มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง สุดท้ายปัญหาก็จะคลี่คลายไป เรื่องร้ายก็จะกลายเป็นดีในที่สุด


ภูเขาศิลาล้วนย่อมตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวเพราะแรงลมฉันใด
ผู้ทำพระนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น
ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น
(พุทธพจน์)



Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D


วัดพระธรรมกาย



***************




บางครั้ง.....  ในเรื่องร้ายก็ย่อมมีเรื่องดีแฝงอยู่ ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ 
เราไม่ควรดีใจ หรือเศร้าโศกเสียใจมากจนเกินไปนัก  
ถ้ามีปัญหาก็แก้กันไป ไม่ควรเอาใจไปยึดติดกับเรื่องราวต่างๆมากจนเกินไปนัก....




วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

มังกรสอนใจ ตอน ชาวนาขายก้อนหิน

ชาวนาขายก้อนหิน




       


    มีชาวนาคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่เชิงเขาสูงเสียดฟ้า เต็มไปด้วยหน้าผาสูงชัน ไม่เคยมีใครขึ้นไป

ถึงยอดเขาได้  แล้ววันหนึ่งขณะที่ชาวนาคนนั้นกำลังตัดฟืนอยู่ที่หลังเขา เขาได้พบทางเล็กๆ
สายหนึ่งโดยบังเอิญ  ด้วยความสนใจจึงได้เลาะเลียบไปตามเส้นทาง สายเล็กๆคดเคี้ยวไปมา 
ค่อยๆปีนขึ้นไปอยู่นานมาก ในที่สุดก็ถึงยอดเขา


คาดไม่ถึง....
   บนยอดเขากลับเป็นที่ราบ โล่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจี มีดอกไม้ป่าที่ไม่รู้จักชื่อบานสะพรั่งอยู่เต็มไป

หมด บรรยากาศสงบสงัด และทัศนียภาพงดงามยิ่งนัก เขาเดินต่อไปได้อีกครู่หนึ่ง  ก็พบสระน้ำ
แห่งหนึ่งน้ำใสมาก  สามารถมองเห็นปลาว่ายไปมาได้อย่างชัดเจน  ที่ริมสระมีหินจำนวนมากส่ง
ประกายระยิบระยับ มีสีสันต่างๆ งดงาม ชาวนาคนนั้นเคยได้ยินคนเล่าถึง อัญมณี แต่ไม่เคยเห็น
มาก่อน  ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเพชรนิลจินดาต่างๆ  มีลักษณะอย่างไร  เขาคาดคะเนว่า  หินที่งดงาม
เหล่านี้คงเป็นอัญมณีเป็นแน่  ในที่สุดก็เลือกเอาหินที่สวยที่สุดก้อนหนึ่งนำกลับบ้าน






  

     วันรุ่งขึ้น เขาเข้าไปในเมือง หาเจอะร้านอัญมณีแห่งหนึ่ง ได้นำหินก้อนนั้นให้เจ้าของร้านดู เจ้าของร้านอัญมณีรับหินก้อนนั้นไปพินิจพิจารณาดูอย่างละเอียด แล้วบอกว่า

    “นี่เป็นอัญมณีล้ำค่าหายากชนิดหนึ่ง แกขายให้ฉันก็แล้วกัน ฉันให้ราคา 1 หมื่นเหรียญ”
ชาวนาได้ยินคำพูดนั้นแล้ว รู้สึกดีใจมาก แต่แสดงท่าทางทำเป็นเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น ตอบไปว่า
     “ตอนนี้ฉันยังไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะขายหรือไม่ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีก็แล้วกัน”
พอชาวนานั้นกลับถึงบ้าน ก็รีบระดมทุกคนในครอบครัว ขึ้นไปขนก้อนหินหลากสีเหล่านั้นลงมา 
ช่วยกันขนตลอดวัน ขนหินเหล่านั้นมาได้ 2 กระสอบใหญ่




          


เขาใช้เกวียนขนหิน 2 กระสอบนั้นเข้าไปในเมือง กระหยิ่มใจว่าคราวนี้จะต้องร่ำรวยมหาศาล
แน่นอน แต่พอเจ้าของร้านอัญมณีเห็นหินเหล่านั้นแล้วกลับยิ้มอย่างเย็นชา พลางบอกเขาว่า
            “หิน 2 กระสอบใหญ่นี้ ฉันให้ราคาแก 1 เหรียญเอาไหม”



ท่านสาธุชนทั้งหลาย....

   “สิ่งดีที่มากเกินก็อาจทำให้ดูด้อยค่า” โดยทั่วไปคนเราตัดสินใจเรื่องต่างๆ ด้วยองค์ประกอบ
สำคัญ 2 ประการคือ ด้วยเหตุผลและด้วยอารมณ์ และคนจำนวนไม่น้อยเลยที่องค์ประกอบด้าน
อารมณ์ความพอใจ มีอิทธิพลเหนือกว่าองค์ประกอบด้านเหตุผล เหมือนอาหารแม้มีสีสารอาหาร
ครบถ้วนบริบูรณ์ แต่ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ค่อยมีใครอยากรับประทาน ตรงกันข้าม อาหารที่มีคุณค่า
ทางโภชนาการเพียงพอประมาณ แต่มีรสชาติอร่อย ผู้คนกลับนิยมชมชอบ 

     เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ในการติดต่อสัมพันธ์กับคนทั้งหลาย เราจึงต้องคำนึงถึงอารมณ์
ของอีกฝ่ายหนึ่งให้มากๆด้วย จะคิดแต่เพียงว่าเราถูก เรามีเหตุผลเพียงเท่านั้นไม่ได้ ต้องมี
ศิลปะในการนำเสนอ รู้จังหวะจะโคน รู้กาลเทศะ เราจะประสบความสำเร็จในการงาน บางครั้ง
เรื่องดีๆ แต่นำเสนอมากไป พูดมากไป อาจถูกแปลเจตนาผิด หวังดีเลยกลายเป็นร้าย หรือถูก
มองเป็นของไร้ค่าไปได้ เหมือนชายชาวนาในเรื่องนี้เป็นต้น




Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ M.D.,Ph.D
วัดพระธรรมกาย



------------------

ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์ (ไม่ควรถกเถียงกัน ด้วยเรื่องที่ต่างก็ไม่รู้จริง) มังกรสอนใจ

ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์           เด็กคนแรกพูดว่า "พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต โตพอ ๆ กับล้อรถเลย แต่พอกลางวันก็เล็กล...