ชายโลเล
มีชื่อเสียง ร่ำรวย ทว่ามุมานะทำงานมาแล้วครึ่งชีวิตแต่ยังไม่มีความสำเร็จอย่างที่หวัง ทำงานจน
ผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ก็ยังคงเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยเท่านั้น มีวันหนึ่งเขาเดินอยู่บนถนน
คิดถึงเรื่องราวชีวิตของตนยิ่งคิดก็จิ่งแค้นใจ จนสุดท้ายทนไม่ไหวร้องไห้โฮออกมา
มีคนเดินผ่านมาคนหนึ่ง เห็นเขาร้องไห้อย่างรวดร้าวใจเช่นนั้น คิดว่าเขาคงประสบภัยพิบัติ
อะไรที่คาดไม่ถึง จึงเข้าไปปลอบประโลมว่า
“ท่านผู้เฒ่า ทำไมท่านจึงร้องไห้อย่างรวดร้าวใจเช่นนี้ ท่านอายุก็มากขนาดนี้แล้วควร
ระมัดระวังถนอมสุขภาพด้วย”
ผู้เฒ่านั้นกล่าวว่า
“คุณไม่รู้อะไร ตัวฉันเองตั้งแต่ยังเล็ก ก็ตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่า จะต้องเป็นข้าราชการชั้นสูง
สร้างชื่อเสียงเกียรติยศ ชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลให้ได้ แต่ปัจจุบันฉันอายุ 60 ปีเศษแล้ว ยังคงเป็น
ข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่ ดูแล้วชาตินี้คงไม่มีทางสมปรารถนาแล้ว”
ชายเดินถนนถามเขาอีกว่า
“ที่แท้ท่านมีปณิธานอ้นยิ่งใหญ่ตั้งแต่ยังเด็ก แล้วทำไมความปรารถนาของท่านจึงไม่สัมฤทธิ์ผลล่ะ”
ชายผู้เฒ่าตอบว่า
“เมื่อตอนฉันยังหนุ่มฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอักษรศาสตร์ ฉันจึงไปเรียนอักษรศาสตร์ มีความเชื่อมั่นว่าตนเองเรียนได้ดีทีเดียว แต่ฮ่องเต้ชอบใช้คนมีอายุ บอกว่าฉันยังไม่มีประสบการณ์ เพราะฉะนั้น ยังไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญได้รอจนฉันมีอายุเริ่มย่างเข้าวัยกลางคนฮ่องเต้องค์เดิมสวรรคต
ฮ่องเต้องค์ใหม่ทรงโปรดปรานการสู้รบ ฉันจึงวางมือจากอักษรศาสตร์ ไปเรียนวิชาการต่อสู้คาด
ไม่ถึง ฉันยังเรียนศิลปะการต่อสู้ไม่ทันสำเร็จฮ่องเต้องค์ใหม่ก็สวรรคตไปอีกฮ่องเต้องค์ถัดมาอายุยังน้อย
ชอบใช้คนหนุ่ม แต่ตัวฉันนั้นเริ่มชราแล้ว ฉันพยายามปรับตัวตามความชอบของฮ่องเต้ทุกอย่าง สามารถ
พูดได้ว่า ได้ทุ่มเทความพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ว่าคาดไม่ถึง ในที่สุดก็ต้องประสบกับผลลัพธ์เช่นนี้ แล้วทำไมฉันจะไม่รวดร้าวใจ”
ชายเดินถนนคนนั้น ทั้งๆที่เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของผู้เฒ่านั้นมาก แต่กลับนึกไม่ออกว่าจะ
ใช้คำพูดอย่างไรมาปลอบประโลมเขาดี
ท่านสาธุชนทั้งหลาย......
การวางทิศทางการทำงานของตัวเองนั้น ไม่ควรนำไปผูกติดกับตัวบุคคลอื่น เพราะเป็นเงื่อนไขที่
เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ความชอบความพอใจของคนเรา ก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ถึงแม้ความชอบ
ไม่เปลี่ยน เงื่อนไขก็อาจเปลี่ยนได้ จากการพ้นตำแหน่งหรือการตาย ดังเช่นในเรื่องนี้สิ่งที่เราควรทำ
คือ สำรวจตัวเองว่าเรามีความถนัด มีความชำนาญในเรื่องอะไร หาทางทำงานที่เราถนัดสามารถใช้
ศักยภาพตัวเองได้อย่างเต็มที่
และงานนั้นต้องเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อสังคมส่วนรวมด้วย การผูกทิศทางการทำงานของเรา
เข้ากับประโยชน์ขององค์กร หรือสังคมส่วนรวมเป็นเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงได้ยากกว่า มีความมั่นคง
มากว่า การปรับตัวตามผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งจำเป็นควรทำแต่ควรเป็นการปรับในแง่มนุษย์สัมพันธ์
และสไตล์การทำงานเท่านั้น ตัวเนื้อหาของงาน ที่เราทำนั้นควรให้มีความต่อเนื่อง ไม่โลเลเปลี่ยนใจ
ไปมา ต้องฝึกตัวเองอย่างต่อเนื่อง ให้มีความสามารถความชำนาญจริงๆ สุดท้ายความสำเร็จก็จะเป็น
ของเรา ยิ่งถ้าเรารู้จักวางเป้าความสำเร็จไว้ อยู่ที่ความสำเร็จของงาน ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับองค์กร
และสังคมส่วนรวม ไม่ใช่ว่าอยู่ที่ความก้าวหน้าของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นผลพลอยได้ เราก็จะยิ่งทำงาน
อย่างสบายใจ และเป็นนักทำงานที่มีความสุข
วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา
เกิดเป็นคนควรพยายามเรื่้อยไป จนกว่าจะสำเร็จ
(วิโรจนอสุรินทสูตร 15/313)
Cr. พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D.,Ph.D.
วัดพระธรรมกาย
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น